รองผู้ประกาศปชป. ซัด พรรคแกนนำราชบัณฑิตยสถานปราศจากความสุจริตใจ ขายผ้าเอาหน้ารอด แก้รัฐธรรมนูญ

“รองผู้ประกาศปชป.” ย้ำจุดยืนเดิมประชาธิปัตย์มีความคิดเห็นว่ารัฐธรรมนูญควรจะได้รับการปรับปรุงแก้ไข ซัด พรรคแกนนำ ราชบัณฑิตยสถาน ปราศจากความบริสุทธิ์ใจ ทำเพียงแค่”ขายผ้าเอาหน้ารอด” จักจี้พวกนั่งเฉยๆจำเป็นต้องตอบประชาชนให้ได้
ช่วงวันที่ 19 มี.ค.นายความมีชัย เดชะเดโช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนครศรีธรรมราช รวมทั้งรองพิธีกรพรรคประชาธิปัตย์ เอ่ยถึงผลของการโหวตการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่ถูกคว่ำ ว่า ตนการันตีว่าได้ใช้สิทธิลงคะแนนเพื่อเห็นด้วยในร่างรัฐธรรมนูญเพราะว่าเป็นการย้ำให้มีความคิดเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังรับรองจุดเดิมที่เห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับเดี๋ยวนี้ มีจุดอ่อนหลายประการที่เหมาะปรับปรุงแก้ไข ยกตัวอย่างเช่น สิทธิเสรีภาพของสามัญชนที่ยังมีข้อกำหนด การดำเนินงานสำหรับในการล้มล้างการคดโกงที่ไม่มีเหตุผล ขั้นตอนได้มาซึ่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามกรรมวิธีในรัฐธรรมนูญฉบับตอนนี้พบว่า ได้บุคคลที่ขาดวุฒิภาวะ แต่มีความสนิทสนมคนที่มีอำนาจในพรรคการเมือง สามารถครอบครองตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ ทำให้พสกนิกรกำเนิดความระอาถึงบุคคลจำพวกนี้ว่า ดำเนินการไม่สมกับที่ได้รับความไว้ใจจากประชากร และก็บางพรรค มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้เดียวแทบ 20 พรรค เพราะเหตุว่าผลบุญของรัฐธรรมนูญที่มิได้กำหนดเกณฑ์อย่างต่ำของคะแนนเสียงเอาไว้ ก็เลยนำไปสู่การปรากฏที่มีพรรคร่วมรัฐบาลมากยิ่งกว่า 10 พรรค แล้วก็ยังมีปัญหาเรื่อง “ลิงรับประทานกล้วย” ให้สามัญชนเหน็บแนมอยู่ตลอด ฯลฯ
นายชัย กล่าวว่ากล่าว ราษฎรสงสัยในท่าทางของพรรคแกนนำรัฐบาลว่า ปราศจากความสุจริตใจที่จะทำงานปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ตอนแรก ทำราวสำนวนที่ว่า “ขายผ้าเอาหน้ารอด”ดังเช่นว่า ใส่หัวข้อการปรับแก้รัฐธรรมนูญไว้ภายในคำแถลงแนวนโยบายของรัฐบาล เพียงพอแต่ละพรรคที่ร่วมรัฐบาลเริ่มมีการทวงหนี้ประกอบกับมีมวลชนมากมายดดันหัวข้อนี้มากมายเข้า ก็เลยไม่สามารถที่จะฝ่าฝืนกระแสได้ ก็เลยจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรึกตรองศึกษาเล่าเรียนปัญหาหลักเกณฑ์ แล้วก็กระบวนการปรับแต่งเพิ่มอีกรัฐธรรมนูญฯ ซึ่งเรื่องดูเหมือนจะจบด้วยดี เนื่องจากมีการใคร่ครวญไปถึงกับขนาดในเวลาที่จะโหวตในวาระ 3 แล้ว แต่ว่าปรากฏว่า มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้ง สมาชิกวุฒิสภา บางบุคคล ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วิเคราะห์ และก็ทำให้มีคำตัดสินที่สร้างความอลักเอลื่อให้กับสมาชิกรัฐสภาว่า จะทำเช่นไรถึงจะไม่ผิดกฎหมายและไม่คือปัญหาให้กับหลายๆฝ่ายในอนาคต แต่ว่าปรากฏว่า มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บางพรรคคนไม่ใช่น้อยเลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆไม่กล้าออกเสียงเพื่อตกลงใจในกรณีนี้
รองพิธีกรพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ากล่าว ตนนับถือคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ แต่ว่าในเมื่อผลของการโหวตออกมาเป็นอย่างงี้ ก็จัดว่าขั้นตอนการทั้งสิ้น จึงควรมีการกลับไปถามประชากรตั้งแต่ต้นโดยการทำมติมหาชนว่า เหมาะสมให้มีการทำรัฐธรรมนูญใหม่หรือเปล่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว จะมองเห็นได้ว่า จากเรื่องต่างๆก่อนหน้านี้ พอเพียงจะประมวลได้ว่า พรรคแกนนำรัฐบาลไม่กระทำตามคำแถลงแนวทางของเมืองต่อที่ประชุม แล้วก็ยังยอมที่จะให้กำเนิดคำติฉินนินทาว่า รัฐธรรมนูญนี้ดีไซน์มาเพื่อเรา ประจำตัวกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยที่ไม่ยินยอมให้มีการปรับปรุงเพิ่มอีกอะไรก็แล้วแต่ทั้งนั้น
“ผมลงความเห็นให้ผ่านในวาระ 3 และก็คิดถัดไปว่า จะเอาร่างที่ผ่านการลงความเห็นในวาระ 3 นี้ ไปให้พลเมืองทำมติมหาชนก่อน เพื่อรับรองแนวทางที่ว่าพสกนิกรเป็นผู้ก่อตั้งรัฐธรรมนูญ ผลมติมหาชนออกมาเช่นไร ผมก็พร้อมก้มรับอยู่แล้ว แต่ว่าช่วงเวลาเดียวกัน ความสุจริตใจสำหรับการปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้เป็นระบบประชาธิปไตย เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ทุกพรรคการเมือง จำเป็นต้องทำให้ประชากรมองเห็น ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับในการสัมมนาร่วมสภานิติบัญญัติตอนวันที่ 17 มี.ค.ก่อนหน้านี้ ผู้ที่ควรต้องตอบปัญหากับสามัญชนก็คือผู้ที่แสดงทีท่าที่นอกเหนือจากการลงความเห็น อย่างเช่น การอยู่เฉยๆในห้องเมื่อถึงเวลาที่ถูกเรียกชื่อ” นายความมีชัยกล่าว